วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ศาสนาสากล

ความหมายของศาสนา 
คือ ความเชื่อที่เป็นแนวทางปฏิบัติให้มนุษย์รอดพ้นจากความทุกข์และพบสุข นิรันดร์ แต่ละศาสนามีจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต ดังนี้
โมกษะ (พราหมณ์-ฮินดู) นิพพาน (พุทธ) อาณาจักรพระเจ้า (คริสต์) พระอัลเลาะห์ (อิสลาม)
องค์ประกอบสำคัญของศาสนา 
ได้แก่ ศาสดา คัมภีร์ นักบวช ศาสนสถาน พิธีกรรม 
องค์ประกอบสำคัญของศาสนา คือ คัมภีร์(คำสอน)
บางศาสนาองค์ประกอบไม่ครบ เช่น ศาสนาอิสลาม ไม่มีนักบวช
บ่อเกิดของศาสนา
•ความกลัว ความไม่รู้ คิดว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ทำให้ต้องอ้อนวอนขอความเมตตาปราณี จึงก่อให้เกิดความเชื่อเรื่องเทพเจ้าในธรรมชาติต่างๆ
•ความภักดี เชื่อว่าการนับถือและเสื่อมใสศรัทธาจะส่งผลดีต่อตน ก่อให้เกิดศาสนาประเภทเทวนิยม
•ปัญญา ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ เน้นหาความจริงในธรรมชาติ ก่อให้เกิดศาสนาประเภทอเทวนิยมประเภทของศาสนา
แบ่งตามความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้า
1. เทวนิยม (Theism) ศาสนาที่เชื่อเรื่องพระเจ้า
•เอกเทวนิยม (Monotheism) นับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว เช่น ยูดาย คริสต์ (พระยะโฮวาห์) อิสลาม (พระอัลเลาะห์) สิข, สิกซ์ (วาเฮ่คุรุ)
•พหุเทวนิยม (Polytheism) เช่น ชินโต พราหมณ์-ฮินดู
2. อเทวนิยม (Atheism) ศาสนาที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลก เช่น พุทธ เชน
แบ่งตามลักษณะเผ่าพันธุ์
1. กลุ่มอารยัน (เอเชียใต้) ได้แก่ พราหมณ์-ฮินดู พุทธ เชน สิข
2. กลุ่มเซมิติก (เอเชียตะวันตกเฉียงใต้) ได้แก่ โซโรอัสเตอร์ ยูดาย คริสต์ อิสลาม
3. กลุ่มมองโกล (เอเชียตะวันออก) ได้แก่ เต๋า ขงจื้อ ชินโต
เจาะรายละเอียดศาสนา (โดยย่อ)
♱ ศาสนาคริสต์ นับถือมากที่สุดในโลก เกิดขึ้นบนชายฝั่งทะเลเมดิเตอริเนียน วิวัฒนาการมากจากศาสนายูดาย นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน "พระยะโฮวาห์" มีความเชื่อว่าพระองค์ได้มอบบัญญัติ 10 ประการให้แก่ โมเสส เพื่อเผยแพร่ต่อชาวยิว
♱ พระผู้ช่วยให้รอด หรือ พระเมสิอาห์ เชื่อว่าคือพระเยซู เกิดมาเพื่อไถ่บาปแก่มนุษย์
♱ วันศูกร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นวันที่พระเยซูถูกตรึงด้วยไม้กางเขนด้วยข้อหากบฎ ขณะพระชนม์อายุ 33 ปี
♱ วันคริสต์มาส 25 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันที่พระเยซูประสูติจากพระครรภ์ของพระแม่มารี ณ เมืองเบอเลเฮม แขวงยูดาย กรุงเยรูซาเลม
♱ นิกายของศาสนาคริสต์ มี 3 นิกาย ได้แก่
นิกายโรมันคาทอลิก สรุปสั้นๆ ดังนี้
✝️ เป็นนิกายที่นับถือมากที่สุด สัญลักษณ์คือไม้กางเขนที่มีพระเยซู
✝️ มีพระสันตะปาปาเป้นประมุขสูงสุด องค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (องค์ที่ 266) พำนักอยู่รัฐวาติกัน
✝️ เชื่อในดินแดนชำระบาป คำสอน ประเพณีดั้งเดิมอย่างเคร่งครัด มีนักบวช แต่นักบวชไม่สามารถแต่งงานได้ ในประเทศไทยผู้นับถือนิกายนี้เรียกว่า "คริสตัง"
♱ นิกายออร์ทอดอกซ์ แยกออกจากโรมันคาทอลิกด้วยเหตุผลทางการเมืองและวัฒนธรรม
✝️ ไม่ยอมรับสันตะปาปา แต่มีแพทริอาร์ค ดำรงตำแหน่งประมุขสูงสุด
✝️ ไม่นับถือในดินแดนชำระบาป
✝️ นับถือพระแม่มารี นักบุญต่างๆ โดยทำรูปสลักที่เรียกว่า "ไอคอน" และไม่มีการประดิษฐ์รูปเคารพ 3 มิติ นับถือศีลศํกดิ์สิทธิ์ 7 ข้อเช่นเดียวกับคาทอลิก
✝️ นักบวชประจำโบสถ์ท้องถิ่นแต่งงานได้ แต่บาทหลวงแต่งงานไม่ได้
♱ นิกายโปรแตสแตนท์ เกิดขึ้นจาก มาร์ติน ลูเธอร์ ไม่ยอมรับพฤติกรรมของผู้นำนิกายโรมันคาทอลิกที่มีการขายใบไถ่บาป
✝️ สัญลักษณ์เป็นไม้กางเขนไม่มีพระเยซู
✝️ ลัทธิแรกที่เกิดขึ้นคือ ลูเธอรัน ไม่เชื่อเรื่องอำนาจในการไถ่บาปของสันตะปาปาและบาทหลวง เพราะเชื่อว่าทุกคนสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้โดยตรง
✝️ นับถือศีลล้างบาป กับศีลมหาสนิท เท่านั้น ไม่มีนักบวช มีแต่ผู้สอนศาสนา ผู้นับถือโปรแตสแตนท์ในไทยเรียกว่า "คริสเตียน"
♱ คัมภีร์ไบเบิล แบ่งเป็น 2 ภาค
✝️ พันธสัญญาเดิม กล่าวถึงความเป็นมาของจักรวาล,มนุษยชาติ(อดัมกับอีวา), บัญญัติ 10 ประการ วิธีประกอบศาสพิธี, กฎและข้อห้ามต่างๆ
✝️ พันธะสัญญาใหม่ กล่าวถึงคำสอนของพระเยซู, การยืนยันว่าพระเยซูเป็นพระเมสิอาห์
♱ ศีลกำลังในศาสนาคริสต์ เทียบได้กับการประกาศตนเป็นพุทธมามกะในศาสนาพุทธ
♱ ชาวคริสต์ทุกคนต้องรับศีลล้างบาปเป็นพิธีกรรมแรก เพื่อลบล้างบาปกำเนิด
♱ หลักตรีเอากานุภาพ การนับถือพระเจ้าองค์เดียวซึ่งมี 3 ภาคได้แก้ พระบิดา พระบุตร (เชื่อว่าเป็นพระเยซู) พระจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ของพระเจ้า
♱ พระเยซูรับศีลล้างบาปจากนักบุญยอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน
The Last Supper-Leonardo Da Vinci เป็นการวาดภาพเกี่ยวกับอาหารมื้อสุดท้ายของพระองค์กับอัครสาวกก่อนถูกตรึงด้วยไม้กางเขน บ่งบอกความมีอิทธิพลของศาสนาต่อศิลปินในยุคนั้น
☪️ ศาสนาอิสลาม เกิดขึ้นที่นครเมกกะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
☪️ ผู้นับถือศาสนาอิสลาม เรียกตนเองว่า มุสลิม
☪️ นิกายที่สำคัญ ได้แก่ ซุนนี กับ ชีอะห์ ความแตกต่างระหว่าง 2 นิกาย คือ การยอมรับนับถืออาลีให้ปกครองคอลีฟะห์ ผู้เป็นประมุขแห่งศาสนาอิสลาม โดยนิกายซุนนี ไม่ยอมรับอาลี การแต่งกายสวมหมวกสีขาว ส่วนชีอะห์ ยอมรับอาลี แต่งกายโดยสวมหมวกสีแดง เรียกผู้ปกครองสูงสุดของตนว่า อิหม่าม
☪️ พิธีละหมาด จะปฏิบัติ 5 เวลา ได้แก่
1. ก่อนดวงตะวันขึ้นเล็กน้อย
2. เวลาที่ดวงตะวันคล้อยจนเงาทอดยาวไปเท่าตัว
3. เวลาที่ดวงตะวันคล้อยจนเงาทอดยาวเลยไป
4. เวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
5. เวลาพระอาทิตย์ตกดิน
☪️ หลักศรัทธา 6 ได้แก่ 1. ศรัทธาต่ออัลลอหฺเพียงคนเดียว 2. ศรัทธาต่อบรรดาลาฮิกะฮ์ 3. ศรัทธาต่อพระคัมภีร์ 4. ศรัทธาต่อศาสนทูต 5. ศรัทธาต่อวันสิ้นโลก 6. ศรัทธาต่อการกำหนดสภาวะโลกว่าเป็นไปตามจำนงค์ของอัลเลาะห์
☪️ การประกอบพิธีฮัจญ์ ปฏิบัติช่วงเดือนซุลฮิจญะห์ ที่นครมักกะหฺ (เดือนที่ 12 ของ ฮ.ศ.)
การทำฮัจญ์มีเป้าหมายในการขัดเกลาจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ต้องใช้ความอุตสาหะ เสียสละทั้งกำลังกาย ทรัพย์ กำลังสติปัญญาและมีความสามารถอดทนต่อความยากลำบาก และมีความสามารถที่จะไปได้ โดยไม่ต้องกู้หนี้ หยิบยืมทรัพย์ของบุคคลอื่น และถ้าหากไม่มีความสามารถด้านทรัพย์ และสุขภาพ ก็ไม่เป็นความผิดอย่างไร เพราะตกอยู่ในเหตุของการด้อยความสามารถ
☪️ หลักปฏิบัติ 5 ของชาวมุสลิม ได้แก่ 1. การปฏิญาณตน 2. การละหมาด 3. การถือศีลอด 4. การบริจาคซะกาต 5. การประกอบพิธีฮัจน์
☪️ ศาสดาของศาสนาอิสลาม คือ นบี มุฮัมหมัด
☪️ สาวกคนแรกของพระศาสดานบี มุฮัมหมัด คือ เคาะดิญะห์ บินดิควัยลิด (ภรรยา) และลูกชายทั้ง 2 ของท่าน
☪️ ประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก คือประเทศอินโดนีเซีย
☪️ การถือศีลอดปฏิบัติกันในเดือน รอมฎอน โดยการละเว้นจากการร่วมประเวณี การดื่ม หรือกินตั้งแต่แสงอรุณขึ้นจนตกดิน
☪️ การกระทำที่ถูกห้ามในหลักศาสนาอิสลาม เช่น ห้ามเล่นการพนัน ห้ามกินสัตว์ที่ตายเอง ห้ามผิดประเวณี ห้ามติดสินบน ห้ามทำแท้งหรือคุมกำนิด, ห้ามกระทำอัตวินิบาตกรรม (ฆ่าตัวตาย), ห้ามพูดโกหก ห้ามอิจฉา ริษยา ฯลฯ
☪️ การละมาดของชาวมุสลิมในไทยต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันตก
☪️ เทวทูตที่นำโองการจากพระเจ้าประทานแก่นบีมุฮัมหมัด มีนามว่า เทวทูตญิบรีล
ॐ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เกิดขึ้นโดยชาวอารยัน มีอายุเก่าแก่ที่สุดเพราะเกิดก่อนศาสนาพุทธเชื่อว่าเป็นการเปิดเผยจากพระเจ้าสู่มนุษย์ ไม่ได้เกิดจากความรู้ของมนุษย์ ไม่มีศาสดาชัดเจน


ซ้าย พระพรหม (พระผู้สร้าง พระวิญญาณแห่งธรรมชาติ ไม่มีตัวตนจริง)
ขวา พระศิวะ (พระผู้ทำลาย มีศิวลึงค์เป็นเครื่องหมายของพลังแห่งการสร้างสรรค์)
กลาง พระนารายณ์ หรือพระวิษณุ (พระผู้คุ้มครอง รักษาสมดุลของโลกให้อยู่เป็นสุข เชื่อว่าเคยอวตารลงมาเป็นพระรามและพระกฤษณะ)
ॐ เป้าหมายสูงสุดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คือ การบรรลุโมกษะ หรือการหลุดพ้น ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏจักรสงสาร
ॐ พระคัมภีร์ที่สำคัญที่สุดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คือ พระเวท เดิมเป็น "ไตรเวท" หรือ 3 พระคัมภีร์ คือ
1. ฤคเวท รวบรวมบทสวดสดุดีพระเจ้า
2. ยชุรเวท รวบรวมวิธีการประกอบพิธีบวงสรวง พิธีบูชายัญ
3. สามเวท รวบรวมบทประพันธ์อันเป็นบทสวดขับร้อง
ภายหลังมีการประพันธ์ อาถรรพเวท อันเป็นตำรารวมรวมที่ว่าด้วยมนต์หรือคาถาต่างๆ
ॐ หลักอาศรม 4 คือ หลักที่ว่าด้วยขั้นตอนของชีวิต 4 ช่วงชีวิต คือ
1. พรหมจรรย์ (ตั้งแต่เกิด-25 ปี) เป็นขั้นของการศึกษาเล่าเรียน
2. คฤหัสถย์ (26-50 ปี) เป็นขั้นของการจบการศึกษา และต้องปฏิบัติตามหลักธรรมว่าด้วยการครองเรือน
3. วานปรัสถย์ (51-75 ปี) เป็นขั้นของการแยกตัวไปปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าหลังครองเรือนพอสมควร และครอบครัวมีฐานะมั่นคง ลูกหลานสืบตระกูลได้
4. สันยาสี (76 ปีขึ้นไป) ออกบำเพ็ญในป่าจนแกร่งกล้าพอที่จะเสียสละทุกอย่าง เพื่อบรรลุการหลุดพ้น
ॐ ในวัยของนักเรียนจัดอยู่ในอาศรม พรหมจรรย์
ॐ ปรมาตมัน หมายถึง ดวงวิญญาณอันเป็นต้นเหตุของทุกสรรพสิ่ง ไม่มีเบื้องต้น หรือสิ้นสุด เป็นสันติสุขต่อตนเอง เป็นปฐมวิญญาณ (เช่น มนุษย์ สัตว์ เทพเจ้าเหล่านี้เกิดจากปรมาตมัน) การบรรลุโมกษะ คือการกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของปรมาตมันอีกครั้ง
ॐ วิธีบรรลุโมกษะ ประกอบไปด้วย
1.โยคะกรรม หรือกรรมมรรค การกระทำโดยไม่หวังผลตอบแทน
2.ชญาณโยคะ หรือ ชญาณมรรค การใช้ปัญญาญาณในการดำเนินชีวิต
3.ภักติโยคะ หรือ ภักติมรรค ภักดีต่อพระเจ้า
4.ราชโยคะ หรือ ราชมรรค การฝึกฝนทางจิต
ॐพิธีกรรมที่สำคัญของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เช่น
1. พิธีศราทธ์ คือ พิธีทำบุญให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
2. พิธีอุปนยัน คือ พิธีเริ่มการศึกษา ถ้าเป็นหญิงให้ยกเว้น
3. พิธีวิวาหะ คือ พิธีแต่งงาน
ॐ เทพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คือ พระพรหม
ॐ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีหลายนิกายมาก เช่น ลัทธิไวษณพ นับถือพระวิษณุเป็นเทพสูงสุด เป็นนิกายเก่าแก่สุด ลัทธิไศวะ นับถือพระวิษณุเป็นเทพสูงสุด สัญลักษณ์แทนพระศิวะคือศิวลึงค์ เชื่อในการปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นมากกว่าการภักดี ลัทธิศักติ เป็นต้น
ॐ วรรณะในศาสนาพราหมณ์ เชื่อว่า
วรรณะพราหมณ์ เกิดจาก ปาก ของพระพรหม
วรรณะกษัตริย์ เกิดจาก อก ของพระพรหม
วรรณะแพศย์ เกิดจาก ตัก ของพระพรหม
วรรณะศูทร เกิดจาก เท้า ของพระพรหม
ॐ คัมภีร์ว่าด้วยกฎหมาย และจารีตประเพณีของคนในสังคม คือ คัมภีร์ธรรมศาสตร์
ੴ ศาสนาซิกข์ มีความเชื่อความศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว คือ วาหคุรู
ੴ ศาสนาซิกข์เกิดขึ้นโยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความสามัคคีระหว่าง ฮินดูกับอิสลาม
ੴ คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาซิกข์ เรียกว่า คุรุ ครันถ์ สาหิน
ੴ พระมหาคัมภีร์ของศาสนาซิกข์คืออาดิครันถ์ซาฮิบ
ੴ เมื่อชาวซิกข์เข้าพิธีปาหุล จะได้นามพิเศษต่อท้ายว่า สิงห์, ซิง
ੴ เมื่อเข้าพิธีปาหุลแล้ว ศาสนิกทุกคนจะได้รับ กกะ ของที่ขึ้นต้นด้วย ก 5 อย่าง ได้แก่ เกศา (เกศ), กังฆา (หวี), กฉา (กางเกงขาสั้น), กรา (กำไล), กริปาน (กริช)

ੴ การประกอบพิธีปาหุล คือ พิธีแสดงตนว่าจะนับถือศาสนาซิกข์
ੴ นิกายในศาสนาซิกข์ ได้แก่ นิกายนานักปันณิ นิกายนี้โกนหนวดโกนเคราได้ นิกายขาลสา นิกายนี้ไว้ผมตลอดทั้งหนวดทั้งเครายาว โดยไม่โกนตลอดชีวิต
ੴ ภราดรภาพ หมายถึง ความเป็นพี่เป็นน้องของชาวซิกข์
ੴ อมฤตสังสการ หมายถึง พิธีรับคนเข้าสู่ศาสนาซิกข์โดยใช้หลักแห่งความเสมอภาค
ੴ หลักคำสอนในศาสนาซิกข์มีสาระสำคัญคือการเอารู้จักชนะอุปสรรคต่างๆ
ੴ ศาสนานี้เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย
ੴ ศาสดาองค์แรก คือ คุรุนานักเดวะ และศาสดาองค์สุดท้าย คือ คุรุ โควินทฺ สิงห์
ੴ จุดหมายปลายทางสูงสุดของชาวซิกข์คือ การได้รับพระมหากรุณาจากพระเจ้า หรือความกลมกลืนเข้ากับชีวิตของพระเจ้า
ੴ การบรรลุจุดหมายปลายทางของศาสนาซิกข์จะต้อง บูชา สรรเสริญพระนาม
ੴ สิ่งที่ควรงดเว้น 5 ประการในศาสนาซิกข์ คือ 1.กินเกินหิว 2. หลับเกินง่วง 3. เกียจคร้าน 4.ฟุ้งซ่าน 5.หลับน้อยเกินไป
ੴ คันด้า เป็นสัญลักษณ์ประจำศาสนาซิกข์ มีกรีปานสองด้าน คันด้าที่มีลักษณะ 2 คมตรงกลาง 1 อันและวงจักรหรือห่วงกลมภายใน
☯ ศาสนาเต๋า เกิดในจีน เป็นเทวนิยม ศาสนาคือเล่าจื้อ คัมภีร์คือเต้าเตเกง
☯ "หยิน" คือพลังลบ เป็นพลังเพศหญิง เปรียบเหมือนกลางคืน ความหนาวเย็น ความมืด อ่อนนุ่ม
☯ "หยาง" คือพลังบวก เป็นพลังเพศชาย เปรียบเสมือนกลางวัน ความอบอุ่น ความสว่าง มั่นคง
☯ ปรัชญาในการดำเนินชีวิต ชนะตัวของตัวเองได้ (จื้อเซ่ง) รู้จักพอด้วยตนเอง (จื้อจก) มีเต๋าเป็นอุดมคติ (จื้ออีเต๋า) รู้จักตัวของตัวเองให้ถูกต้อง (จื้อใจ)



孔子 ลัทธิขงจื้อ เกิดในจีน คัมภีร์คือ เกงทั้ง 5 และชูทั้ง 5
孔子 เน้นกตัญญู บูชาฟ้าดิน และบรรพบุรุษ
孔子 ใช้ดนตรีเป็นเครื่องนำไปสู่ความพ้นทุกข์
Ħ ชินโต เกิดในญี่ปุ่น เป็นพหุเทวนิยม ไม่มีศาสดา คัมภีร์สำคัญคือ โคยิ-กิ และนิฮอง-งิ
Ħ มีสัญลักษณ์เป็นประตูโทริ และซานชูโน-ซิงกิ
สัญลักษณ์ของลัทธิชินโต
卐 เชน หรือ นิครนถ์ นาฏบุตร เกิดในอินเดีย ศาสดาคือพระมหาวีระ คัมภีร์คืออังคะ
卐 มี 2 นิกาย คือ ทิฆัมพร (ชีเปลือย) และเศวตัมพร
卐 หลักคำสอนที่สำคัญสำหรับนักบวชมากที่สุด คือ อหิงสา (ความไม่เบียดเบียน)
สัญลักษณ์ของศาสนาเชน

เพิ่มเติม เจอจากข้อสอบ
♱ ศาสนาที่สอนว่า "ถ้าเขาตบแก้มขวา จงเอียงแก้มซ้ายให้เขาตบ" คือ ศาสนาคริสต์
☪️ บุคคลที่ศาสนาอิสลาม ยกเว้นให้ไม่ต้องถือศีลอด ได้แก่ คนเจ็บป่วยเรื้อรังที่หมอวินิจฉัยว่ารักษาไม่หาย หญิงที่มีประจำเดือน หญิงที่ให้นมบุตร บุคคลที่มีสุขภาพไม่สมบูรณ์ซึ่งการถือศีลอดเป็นภัยต่อเขา
** หญิงที่มีประจำเดือน ห้ามถือศีลอด แต่ต้องชดใช้ตามจำนวนวันที่ขาดหายไปในภายหลัง
ॐ พิธีประจำบ้านแบบฮินดู ที่มีการกำหนดไว้ 12 ประการ ให้คนในวรรณะแพศย์ พราหมณ์ และกษัตริย์ รวมเรียกว่า "พิธีสังสการ"
ॐ พระธรรมศาสตร์ที่สำคัญในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีอยู่ 10 ประการ
1.ธฤติ-พึงพอใจในความสันโดษ พึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมี
2.กษมา-ความอดทนอดกลั้น มีความอดทน พยายาม
3.ทมะ-ไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์โดยง่าย รู้จักระงับข่มจิตใจด้วยความเมตตา
4.อัสเตยะ-ไม่ลักขโมย
5.เศาจะ-ความบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ
6.อินทริยนิครหะ-การปราบปรามอินทรีทั้ง 10 ได้แก่ ประสาทความรู้สึกทางความรู้ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง กับประสาทความรู้สึกทางการกระทำ ได้แก่ มือ เท้า ทวารหนัก ทวารเบา และลำคอ
7.ธี, ธีร, พุทธิ-ปัญญา สติ ความคิด ความมั่นคง
8.วิทยา-การรู้ซึ้งถึงความรู้ทางปรัชญา
9.สตยะ-ความเห็นอันสุจริต ความซื่อสัตย์ต่อกัน
10.อโกรธะ-ความอดทนสูง ไม่โกรธง่าย สงบเสงี่ยม รู้จักทำใจให้สงบ

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2561

การสับเปลี่ยนและการจัดหมู่

การสับเปลี่ยนและการจัดหมู่ (Permutation and Combination)
1. กฎเกณฑ์เบื้องต้นเกี่ยวกับการนับ
กล่าวถึง การหาจำนวนวิธีทั้งหมดที่เป็นไปได้ในการกระทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง โดยมีวิธีหาคำตอบที่เป็นระบบระเบียบอยู่ 4 วิธี
1.1 แผนภาพต้นไม้ (Tree Diagram)
Ex. ในการเล่นการพนันครั้งหนึ่ง เล่นได้ไม่เกิน 5 ครั้ง ถ้าชนะ จะได้เงินครั้งละ 1 บาท และถ้าแพ้จะเสียเงิน 1 บาท นาย ก เล่นการพนันชนิดนี้ เมื่อเริ่มเล่นมีเงินเพียง 1 บาท เขาจะเลิกเล่นเมื่อมีกำไร 2 บาท หรือมีเงิน หรือเงินหมด นาย ก จะมีวิธีเล่นได้กี่วิธี
1.2 กฎการคูณ (Multiplication Principle)
ถ้าต้องการทำงานสองอย่าง โดยที่งานแรกทำได้ n1 วิธี และในแต่ละวิธีเลือกทำงานอย่างแรกนี้ มีวิธีที่ทำงานอย่างที่สองได้ n2 วิธี 
จำนวนวิธีที่เลือกทำงานทั้งสองอย่าง = n1nวิธี
Ex. สนามกีฬาแห่งหนึ่งมีประตู 4 ประตู จะมีวิธีเข้า-ออก จากสนามแห่งนี้ได้กี่วิธี เมื่อ
1) เข้าและออกประตูใดก็ได้ = 4x4 = 16 วิธี
2) เข้าประตูหนึ่งและออกอีกประตูหนึ่งโดยไม่ซ้ำกับประตูที่เข้ามา = 4x3 = 12 วิธี
Ex. มีเลขโดด 5 ตัว คือ 0, 1, 2, 3, 4 จะสร้างเลขสองหลักได้ทั้งหมดกี่จำนวน เมื่อ
1) เลขสองหลักจะซ้ำกันไม่ได้ = 4x4 = 16 วิธี (หลักสิบใช้ 0 ไม่ได้ หลักหน่วยเอา 0 มาใช้ได้)
2) เป็นเลขคู่ และแต่ละหลักไม่ซ้ำกัน (ต้องแบ่งเป็น 2 กรณี)
2.1) ให้หลักหน่วยเป็น 0 = 4x1 = 4 วิธี
2.2) ให้หลักหน่วยเป็น 2 หรือ 4 = 3x2 = 6 วิธี
รวม 10 วิธี
ถ้าต้องการทำงาน k อย่าง โดยงานแรกทำได้ nวิธี และในแต่ละวิธีที่เลือกทำงานแรก มีวิธีทำงานที่สองได้ n2 วิธี และในแต่ละวิธีที่เลือกทำงานอย่างแรกและอย่างที่สอง มีวิธีทำงานอย่างที่สามได้ n3 วิธี
จำนวนวิธีทั้งหมด = n1n2n3 ...nk วิธี
Ex. เด็กคนหนึ่งต้องการส่งจดหมาย 3 ฉบับลงในตู้ไปรษณีย์ 4 ตู้ เขาจะมีวิธีส่งจดหมายกี่วิธี เมื่อ
1) จดหมายแต่ละฉบับอยู่ในตู้ใดก็ได้ = 4x4x4 = 64 วิธี (เราเอาจดหมายแต่ละฉบับหย่อนลงตู้)
2) จดหมายแต่ละฉบับอยู่ตู้เดียวกันไม่ได้ = 4x3x2 = 24 วิธี
Ex. นก 5 ตัวเกาะบนต้นไม้ 3 ต้น ได้ทั้งหมดกี่วิธี (นกแต่ละตัวเกาะต้นไม้ได้ 3 วิธี) = 3x3x3x3x3 = 243 วิธี
1.3 กฎการบวก (Addition Principle)
ถ้าทำงาน k อย่างโดยแต่ละงานนั้นทำงานพร้อมกันไม่ได้ ดังนั้นจำนวนวิธีที่จะทำงานนี้ เท่ากับ ผลบวกของจำนวนวิธีของทางเลือกแต่ละงาน
จำนวนวิธีทั้งหมด = n1+n2+n3+ ...+nk วิธี
Ex. มีหนังสือ 6 เล่มต่างกัน เป็นตำราคณิตศาสตร์ 2 เล่ม จะจัดเรียงบนชั้นหนังสือได้กี่วิธี ถ้าจัดเรียงทั้ง 6 เล่ม โดยให้หัวแถว และท้ายแถว เป็นตำราคณิตศาสตร์
กรณีที่ 1 คณิตเล่ม 1 _ _ _ _ คณิตเล่ม 2 = 1x4x3x2x1x1
กรณีที่ 2 คณิตเล่ม 2 _ _ _ _ คณิตเล่ม 1 = 1x4x3x2x1x1
เอา 2 กรณีมารวมกัน = (1x4x3x2x1x1)+(1x4x3x2x1x1) = 48 วิธี
1.4 หลักการลบ (Subtraction Principle) 
จำนวนวิธีที่ต้องการ = จำนวนวิธีทั้งหมด-จำนวนวิธีที่ไม่ต้องการ
Ex. การทาสีวงกลม 5 วงที่คล้องกันดังภาพ ด้วยสีแดง สีน้ำเงิน สีเหลือง สีฟ้า สีส้ม สีดำ และสีเขียว จำนวนวิธีทำได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีอย่างน้อย 2 วงสีเหมือนกันเท่ากับเท่าใด (เราไม่จำเป็นต้องแบ่งเป็นกรณี 2 วง, 3 วง, 4 วง, 5 วงสีเหมือนกัน)
ภาพสำหรับโจทย์ข้อตัวอย่าง
จำนวนวิธีที่ต้องการ = จำนวนวิธีทาสีวงกลมทั้งหมด-จำนวนวิธีที่ทาสีบนวงกลมไม่เหมือนกัน
จำนวนวิธีที่ต้องการ = (7x7x7x7x7)-(7x6x5x4x3)
จำนวนวิธีที่ต้องการ = 16,807-2,520 = 14,287 วิธี
ตัวอย่างพิเศษง
Ex. จากตัวเลข 0, 1, 2, 3, 4, 5 จะสร้างจำนวนที่มากกว่า 330 ได้ทั้งหมดกี่จำนวน โดยที่เลขแต่ละหลักไม่ซ้ำกัน
จำนวนวิธีการสร้างตัวเลข = 3 หลัก + 4 หลัก + 5 หลัก + 6 หลัก
เราต้องหาจำนวนวิธีในการสร้างเลข 3 หลักที่มากกว่า 330 = หลักร้อยเป็น 3 + หลักร้อยเป็น 4, 5
= (1x2x4)+(2x5x4) = 48 จำนวน
จำนวนวิธีการสร้างตัวเลข = 48+(5x5x4x3)+(5x5x4x3x2)+(5x5x4x3x2x1)
จำนวนวิธีการสร้างตัวเลข = 48+300+600+600 = 1,548 วิธี
Ex. จงสร้างจำนวนเต็มบวกที่มีค่าอยู่ระหว่าง 4,500-9,500 โดยที่เลขแต่ละหลักไม่ซ้ำกัน จะสร้างได้กี่จำนวน
อาจแบ่งเป็น 3 ช่วง
ช่วงที่ 1 4,500-4,999 = 1x5x8x7 = 280 จำนวน (ใช้เลข 4 กับอีกหนึ่งตัวใน 5-9 จึงเหลือในหลักสิบอีก 8 ตัว)
ช่วงที่ 2 5,000-8,999 = 4x9x8x7 = 2,016 จำนวน
ช่วงที่ 3 9,000-9,500 = 1x5x8x7 = 280 จำนวน
จะสร้างได้ 280+2,016+280 = 2,576 จำนวน
Ex. จะมีเลขจำนวนเต็มกี่จำนวนระหว่าง 1,000-9,999 ที่มีเลข 7 ปน
จำนวนตัวเลขที่มี 7 ปน = จำนวนตัวเลขทั้งหมด-จำนวนตัวเลขที่ไม่มี 7 ปน
จำนวนเต็มตั้งแต่ 1,000-9,999 = 9x10x10x10 = 9,000 จำนวน
จำนวนตัวเลขที่ไม่มี 7 ปน = 8x9x9x9 = 5,832 จำนวน
จำนวนเต็มที่มีเลข 7 ปน = 9,000-5,832 = 3,168 จำนวน (ในนี้เลข 1,000 และ 9,999 ถูกหักพร้อมกับ 5,892 จำนวนแล้ว)
การหาจำนวนตัวประกอบจำนวนเต็ม m ที่เป็นจำนวนเต็มบวก
1. แยกตัวประกอบในรูปการคูณของเลขยกกำลังที่ฐานเป็นจำนวนเฉพาะ
2. เลขยกกำลังที่ได้แต่ละตัวให้บวก 1 แล้วนำมาคูณกัน
3. ถ้าถามจำนวนเต็มทั้งหมดที่หาร m ลงตัวให้คูณ 2 (เพราะมีจำนวนเต็มบวกกับจำนวนเต็มลบ)
แฟคทอเรียล (Factorial)
เมื่อ n∈I+แฟคทอเรียล n หรือ n! หมายถึง ผลคูณของจำนวนเต็มบวกตั้งแต่ 1 ถึง n
n! = n・(n-1)・(n-2)...3・2・1
สิ่งที่ควรรู้ 0! = 1

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต

กล้องจุลทรรศน์ (microscope)
1. กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง (light microscope) 
1.1 กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดา (simple compound light microscope) เป็นกล้องชนิดเลนส์ประกอบ ซึ่งประกอบไปด้วยเลนส์ใกล้วัตถุ และเลนส์ใกล้ตา
1.2 กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงสเตอริโอ (stereoscopic microscope) เป็นกล้องชนิดเลนส์ประกอบที่ทำให้เกิดภาพ 3 มิติ ใช้ศึกษาวัตถุที่มีขนาดใหญ่ซึ่งไม่สามารถแยกรายละเอียดได้ด้วยตาเปล่า ภาพที่ได้เป็น 3 มิติ มีความชัดลึกเป็นภาพเสมือนหัวตั้ง
ส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดา
กล้องจุลทรรศใช้แสงแบบสเตอริโอ
ดวงตาของแมลงภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบสเตอริโอ
2. กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน
อิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่สามารถแสดงคุณสมบัติของคลื่นคล้ายแสงได้ จึงใช้ลำอิเล็กตรอนความถี่สูงมาใช้แทนแสงในการประดิษฐ์ ซึ่งมีกำลังขยายสูงถึง 500,000 เท่า ซึ่งมี 2 ชนิด ได้แก่ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด หรือ TEM และกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน SEM กล้องทั้งสองใช้ศึกษาโครงสร้างระดับโมเลกุลได้ นักชีววิทยาใช้ TEM เมื่อต้องการศึกษาโครงสร้างด้านนอกของวัตถุ และใช้ SEM เมื่อต้องการศึกษาส่วนประกอบภายในของวัตถุ
การลำเลียงสารผ่านเซลล์
1. การลำเลียงสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
1.1 Passive Transport ไม่ใช่พลังงาน
1.1.1 Diffusion เป็นการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นสูงไปสู่ความเข้มข้นต่ำ เกิดกับสารที่มีขนาดเล็ก ละลายในไขมันได้ดีและไม่มีขั้ว เช่น แก๊สออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน รวมทั้งวิตามิน A D E K ซึ่งละลายในไขมัน

1.1.2 Osmosis เป็นการแพร่ของน้ำผ่านระหว่างภายใน-นอกของเซลล์ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ โดยจะแพร่จากบริเวณที่มีความเข้มข้นต่ำไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นสูง ในการทดลองหย่อนเซลล์หนึ่งลงในสารละลายมีความเข้มข้นของสารละลายภายนอกเท่ากับภายในเซลล์ เซลล์จะมีขนาดเท่าเดิม สารละลายนั้นเรียกว่า isotonic solution แต่ถ้าภายนอกสูงกว่าภายในเซลล์ น้ำจะออสโมซิสออกนอกเซลล์ทำให้เซลล์เหี่ยว เรียกสารละลายนั้นว่า hypertonic solution แต่ถ้าภายนอกต่ำกว่าภายในเซลล์ น้ำจะออสโมซิสเข้าสู่เซลล์ทำให้เซลล์เต่ง เรียกสารละลายนั้นว่า hypotonic solution

1.1.3 Facilitate เป็นการแพร่ของสารที่ไม่สามารถผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้โดยตรงต้องเคลื่อนผ่านช่องโปรตีนตัวพาภายในเยื่อหุ้มเซลล์ เช่น ไอออนต่างๆ กลีเซอรอล กลูโคสและกรดอะมิโน และจะเคลื่อนจากบริเวณที่มีความเข้มข้นสูงไปยังด้านที่มีความเข้มข้นต่ำ แพร่ได้เร็วกว่า diffusion และเป็นกระบวนการที่มีความจำเพาะในการเคลื่อนย้ายสารที่มีโครงสร้างทางเคมีแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น

1.2 Active Transport ใช้พลังงาน โดยอาศัยโปรตีนที่แทรกอยู่ในเยื่อหุ้มเซลล์ทำหน้าที่ลำเลียงเช่นเดียวกับ facilitate แต่ต่างกันตรงที่เซลล์ต้องใช้พลังงานที่ได้จากการสลายพันธะของ ATP เพื่อเป็นแรงผลักดันในการลำเลียงซึ่งมีทิศทางตรงข้ามกับการแพร่

2. การลำเลียงสารโดยการสร้างถุงจากเยื่อหุ้มเซลล์
2.1 Exocytosis ลำเลียงสารขนาดใหญ่ออกจากเซลล์ซึ่งบรรจุอยู่ใน vesicle เมื่อรวมตัวกับเยื่อหุ้มเซลล์สารภายใน vesicle ก็จะถูกปล่อยออกไปนอกเซลล์ เช่น การหลั่งเอนไซม์จากเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร

2.2 Endocytosis ลำเลียงสารขนาดใหญ่เข้าสู่เซลล์
2.2.1 Phagocytosis เซลล์ยื่นไซโทพลาสซึมออกไปล้อมอนุภาคของสารที่ไม่ละลายน้ำเข้าสู่เซลล์ในรูปของ food vacuole จากนั้นจะรวมตัวกับ lysosome ภายในเซลล์เพื่อย่อยสลายสารภายใน vacuole ด้วยเอนไซม์ภายใน lysosome ตัวอย่างที่พบ เช่น อะมีบา เซลล์เม็ดเลือดขาว
2.2.2 Pinocytosis นำอนุภาคของสารเข้าสู่เซลล์โดยเว้าเยื่อหุ้มเซลล์เข้าไปในไซโทพลาสซึมจนกลายเป็นถุงเวสิเคิลที่ปิดสนิท ตัวอย่างที่พบ เช่น เซลล์บุผนังหลอดเลือด
2.2.3 Receptor-mediated endocytosis ลำเลียงสารเข้าสู่เซลล์ที่เกิดขึ้นโดยมีโปรตีนเป็นตัวรับบนเยื่อหุ้มเซลล์ สารที่ถูกลำเลียงจะมีความจำเพาะในการจับกับโปรตีนที่อยู่บนเยื่อหุ้มเซลล์ จากนั้นเยื่อหุ้มเซลล์จะเว้าคอดเป็นเวสิเคิลหลุดเข้าสู่ภายในเซลล์ เช่น การนำคอเรสเตอรอลเข้าสู่ตับ
การรักษาดุลยภาพของน้ำในร่างกาย
คน
ร่างกายขาดน้ำกระหายน้ำ และเลือดเข้มข้นกว่าปกติ→ส่งผลให้ไฮโพทาลามัส→กระตุ้นปลายประสาทต่อใต้สมองส่วนหลัง→หลั่ง ADH (antidiuretic hormone)→ทำให้หลอดเลือดดูดน้ำกลับ→ที่ท่อหน่วยไต→ทำให้ความเข้มข้นในเลือดลดลง ปริมาณน้ำในเลือดสูง→ร่างกายไม่กระหายน้ำ
พารามีเซียม อะมีบา ฯลฯ
เนื่องจากต้องอาศัยอยู่บนผิวน้ำทำให้มีน้ำออสโมซิสเข้าสู่ร่างกายตลอดเวลา contractile vacuole จะรวบรวมน้ำส่วนเกินของเซลล์ แล้วเคลื่อนไปใกล้ชิดเยื่อหุ้มเซลล์เพื่อปล่อยน้ำออกสู่ภายนอก
ปลา
ปลาน้ำจืด น้ำเข้าสู่ร่างกายไปพร้อมกับอาหารที่กิน และการออสโมซิสบริเวณเยื่อบางๆ ที่เหงือก จึงทำให้ปลาน้ำจืดต้องขับน้ำผ่านปัสสาวะบ่อยๆ และปัสสาวะเจือจาง ในขณะเดียวกันแร่ธาจุอาจมีการสูบเสียผ่านเยื่อบางๆ ที่เหงือก แต่จะมีเซลล์พิเศษในบริเวณนั้นเพื่อดูดซึมแร่ธาตุจำเป็นกลับคืนสู่ร่างกายด้วยวิธี active transport
ปลาทะเล ของเหลวในร่างกายมีความเข้มข้นต่ำกว่าน้ำทะเล ปลาทะเลจึงมีกระบวนการควบคุมน้ำในร่างกายตรงข้ามกับปลาน้ำจืด กล่าวคือผิวหนังและเกล็ดของปลาทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้แร่ธาตุจากน้ำทะเลซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยขับแร่ธาตุส่วนเกินออกผ่านกลุ่มเซลล์ที่เหงือกด้วยวิธี active transport ปลาทะเลปัสสาวะน้อยและปัสสาวะมีความเข้มข้นสูง
นกทะเล กินอาหารจากทะเลทำให้ปริมาณเกลือในร่างกายมากเกินความจำเป็น จึงมีอวัยวะพิเศษที่เรียกว่า ต่อมนาซัล (nasal gland) และรูจมูกของน้ำทะเล
การรักษาอุณหภูมิภายในร่างกาย

สัตว์เลือดอุ่น คือสัตว์ที่สามารถรักษาอุณหภูมิของร่างกายไว้ได้เกือบคงที่แม้จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่างกัน เช่น นก แมว สุนัข ส่วนสัตว์ที่ไม่มีกลไกลรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ และแปรผันตามสิ่งแวดล้อม เรียกสัตว์ประเภทนี้ว่า สัตว์เลือดเย็น
ระบบหมู่เลือด ABO และการให้-รับของหมู่เลือด

ขอบคุณรูปภาพจาก: https://www.springnews.co.th/news/202714
ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
โรค SLD (sysmetic lupus erythematosus) เป็นโรคที่ร่างกายสร้างภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตนเอง ซึ่งภูมิต้านทานไม่สามารถแยกแยะระหว่างเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมกับเซลล์และเนื้อเยื่อของตนเอง
ภาวะภูมิแพ้ เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อแอนติเจนบางอย่างรุนแรงเกินไปทำให้เกิดอาการผิดปกติ เช่น มีปฏิกิริยาต่อสารเคมี ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ สารจากสัตว์ทะเล ทำให้เกิดลมพิษ ไอจาม หอบ หืด
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือ AIDS (acquired immune deficiency syndrome) เป็นกลุ่มอาการของผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ซึ่งจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันลดลง ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ และเราจะเห็นว่าผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ในระยะแรกจะไม่แสดงอาการ แต่เมื่อจำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง ผู้ป่วยมักจะมีอาการแทรกซ้อนที่ทำให้เสียชีวิตได้ซึ่งมาจากการติดเชื้อโรคชนิดอื่น เช่น โรคหวัด โรคท้องเดิน โรคปอด

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม 2

ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม 2
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ
1. ปัจจัยทางกายภาพ ได้แก่ อุณหภูมิ (Ex. การสะสมชั้นไขมันใต้ผิวหนังของหมีขั้วโลก) แสง (Ex. การผลิตฮอร์โมนเพศของสัตว์เลือดอุ่นในฤดูหนาว เพื่อสืบพันธ์ในฤดูใบไม่ร่วงและออกลูกในฤดูใบไม้ผลิ) ความชื้น (ปริมาณไอน้ำในอากาศ Ex. ในทะเลทรายมีความชื้นน้อย สมช.จึงต้องปรับตัวให้สูญเสียน้ำจากร่างกายน้อยให้มากที่สุดเช่นกัน เช่น หนูแกงการู หากินในเวลากลางคืนและกินเมล็ดพืชแห้งเพื่อทำให้ได้รับน้ำจากกระบวนการเมทาบอลิซึม และปัสสาวะน้อยครั้ง) แก๊ส (เช่นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ออกซิเจน ไนโตรเจน ฯลฯ ซึ่งอยู่ในกระบวนการสังเคราะห์แสง การแลกเปลี่ยนแก๊ส และการตรึงโดยแบคทีเรีย Risobium ที่ปมรากถั่ว) ค่า pH (บริเวณที่พบจุลินทรีย์ที่ทำหน้าที่ย่อยสลายสารอินทรีย์จะมีความเป็นกรดมาก)
2. ปัจจัยทางชีวภาพ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต แบ่งเป็น 3 แบบใหญ่ๆ ดังนี้
Symbiosis รูปแบบการอยู่ร่วมกันโดยไม่มีฝ่ายใดเสียประโยชน์
รูปแบบความสัมพันธ์
สัญลักษณ์
ถ้าแยกกันอยู่
ตัวอย่างความสัมพันธ์
ภาวะเกื้อกูลหรืออิงอาศัย (Commensalism) ฝ่ายหนึ่งได้ อีกฝ่ายไม่เสีย
+/0
-/0
เหาฉลามกับปลาฉลาม
ภาวะพึ่งพา (Mutualism) ต่างฝ่ายต่างได้ แยกกันมีแต่เสีย
+/+
-/-
รากับสาหร่าย (ไลเคน)
Antagonism รูปแบบการอยู่ร่วมกันโดยมีฝ่ายเสียประโยชน์
รูปแบบความสัมพันธ์
สัญลักษณ์
ถ้าแยกกันอยู่
ตัวอย่างความสัมพันธ์
ภาวะปรสิต (Parasitism) Parasite เป็นผู้ได้ประโยชน์ Host เป็นผู้เสียประโยชน์
+/-
-/0
ฝอยทองเจาะรากหยั่งลึกลงเนื้อไม้เพื่อดูดกินน้ำ
ภาวะล่าเหยื่อ (Predation)
+ ผู้ล่า (Predator) ได้ประโยชน์
- เหยื่อ (Prey) เสียประโยชน์
+/-
-/0
สิงโตล่าม้าลาย
ภาวะแข่งขัน (Competition) ทั้งสองฝ่ายต้องการปัจจัยเดียวกันซึ่งมีที่อยู่อย่างจำกัด
-/-
0/0
จอกแหนในแหล่งน้ำ
ภาวะการสร้างสารยับยั้ง (Antibiosis) สิ่งมีชีวิตฝ่ายหนึ่งสร้างและหลั่งสารเคมีไปยับยั้งการเจริญของอีกฝ่ายหนึ่ง
0/-
0/0
ราเพนิลซีเลียมหลั่งสารยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียรอบๆ
Neutralism รูปแบบการอยู่ร่วมกันโดยไม่มีฝ่ายใดได้หรือเสียประโยชน์
รูปแบบความสัมพันธ์
สัญลักษณ์
ถ้าแยกกันอยู่
ตัวอย่างความสัมพันธ์
ภาวะเป็นกลาง (Neutralism)
0/0
0/0
กวางกับกระต่าย
Food chain with law of 10%
Ex. ต้นข้าว (100 Kcal)→ตั๊กแตน (10 Kcal)→กบ (1 Kcal)→คน (0.1 Kcal)
Food webs ประกอบด้วย Food chain หลายห่วงโซ่ที่มีความสัมพันธ์กันสลับซับซ้อนในระบบนิเวศนั้น
Ecological Pyramid
1. Pyramid of numbers นับจำนวนของสิ่งมีชีวิต โดยผู้ผลิตอยู่บริเวณฐาน มีหน่วยเป็นจำนวนต่อตารางเมตร มีทั้งฐานกว้าง และฐานแคบ
ขอบคุณรูปภาพจาก: https://il.mahidol.ac.th/e-media/ap-biology2/chapter5/eco4.htm

2. Pyramid of biomass ใช้มวลของสมช.ในรูปของน้ำหนักแห้ง หน่วยเป็นกรัมต่อตารางเมตร มีทั้งฐานกว้างและฐานแคบ
ขอบคุณรูปภาพจาก: https://il.mahidol.ac.th/e-media/ap-biology2/chapter5/eco4.htm

3. Pyramid of energy แสดงค่าพลังงานของสมช.แต่ละชนิดหน่วยเป็นกิโลแคลอรีต่อตารางเมตร รูปแบบที่ได้ คือ ฐานกว้าง
ขอบคุณรูปภาพจาก: https://il.mahidol.ac.th/e-media/ap-biology2/chapter5/eco4.htm
วัฏจักรของสารที่หมุนเวียนผ่านบรรยากาศ
1. วัฏจักรของน้ำ
2. วัฏจักรของคาร์บอน
3. วัฏจักรของไนโตรเจน
วัฏจักรของสารที่ไม่หมุนเวียนผ่านบรรยากาศ
1. วัฏจักรฟอสฟอรัส
2. วัฏจักรซัลเฟอร์
การปรับตัวของสิ่งมีชีวิตให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม (adaptation)
1. การปรับตัวแบบชั่วคราว เกิดในระยะสั้น สามารถเปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เช่น ดอกทานตะวันเบนเข้าหาแสงอาทิตย์
ทำไมดอกทานตะวันหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ https://www.facebook.com/ipst.thai/photos/a.186298994739830/1115426221827098/?type=3&theater
2. การปรับตัวถาวร เช่น การลดใบเป็นหนามของกระบองเพชรเพื่อลดการคายน้ำ ทำให้ลำต้นอวบน้ำ
ในสัตว์ก็มีการปรับตัวแบบถาวร เช่น
1. การปรับตัวด้านสรีระ เช่น นกทะเลมีต่อมนาซัลที่ใช้ขับเกลือออกนอกร่างกาย

2. การปรับตัวทางสัณฐาน เช่น ลักษณะลำตัวและสีของตั๊กแตนใบไม้ ลักษณะของปากนกฟินซ์บนเกาะกาลาปากอสบริเวณต่างๆ ตามอาหารที่มันกิน

3. การปรับตัวด้านพฤติกรรม เช่น หนูแกงการู ออกหากินเวลากลางคืนเพื่อหลักเลี่ยงความร้อนระอุในตอนกลางวัน
การเปลี่ยนแปลงแทนที่
ขั้นปฐมภูมิ (primary succession) คือการแทนที่บนแหล่งที่ไม่เคยพบสมช.มาก่อนและเจริญจนถึง climax สมช.ที่พบเป็นกลุ่มแรกเรียกว่า poineer species
ขั้นทุติยภูมิ (secondary succession) คือการแทนที่พื้นที่ที่เคยมีสมช.อยู่ก่อนแล้วถูกทำลายลง เช่น เกิดไฟไหม้ เกิดโรคระบาด โดยมีสมช.กลุ่มใหม่เข้าไปแทนที่สมช.เดิม